KTC

Corporate Governance

การกำกับดูแลกิจการ

เป้าหมายปี 2572
การดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการกำกับดูแลกิจการอย่างดีเยี่ยม โดยได้รับการประเมิน CGR ไม่ต่ำกว่า 90 คะแนน ต่อเนื่องทุกปี
เป้าหมายปี 2567
การดำเนินธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการกำกับดูแลกิจการอย่างดีเยี่ยม โดยได้รับการประเมิน CGR ไม่ต่ำกว่า 90 คะแนน ต่อเนื่องทุกปี
ผลการดำเนินงาน 2567
ได้รับผลการประเมิน CGR ร้อยละ 111
หมายเหตุ: CGR หมายถึง Corporate Governance Report
โอกาสและความท้าทาย

การกำกับดูแลกิจการถือเป็นรากฐานสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืนและความสำเร็จในระยะยาวของทุกองค์กร การมีโครงสร้างและระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี เพื่อให้ทุกฝ่ายมีแนวปฏิบัติตามหลักพื้นฐานการกำกับดูแลกิจการที่ดีทั้งในด้านความซื่อสัตย์ ความเป็นธรรม ความโปร่งใส ความรับผิดชอบ และความน่าเชื่อถือในธุรกิจ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย นอกจากนี้การกำกับดูแลกิจการที่มีประสิทธิภาพยังช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาด้านกฎระเบียบ ด้านการดำเนินงาน และด้านชื่อเสียง ซึ่งอาจบั่นทอนความไว้วางใจหรือก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อผู้มีส่วนได้เสีย โดยบริษัทมุ่งมั่นสร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการสร้างคุณค่าในระยะยาวและการเติบโตอย่างมีความรับผิดชอบ โดยบูรณาการแนวปฏิบัติด้านการกำกับดูแลกิจการที่ดีในทุกระดับขององค์กร เพื่อให้ธุรกิจคงความสามารถในการปรับตัว รักษาความน่าเชื่อถือ และสอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ความสำเร็จที่สำคัญ
  • เคทีซีได้รับรางวัล “ดีเลิศ” จากโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการบริษัทจดทะเบียนไทยอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 โดยได้รับผลการประเมิน Corporate Governance Report (CGR) 111 คะแนน

บริษัทมุ่งมั่นบริหารจัดการการกำกับดูแลกิจการอย่างมีประสิทธิภาพผ่านแนวทางดังต่อไปนี้

ความสำเร็จที่สำคัญ

นโยบายการกำกับดูแลกิจการ

บริษัทปฏิบัติตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีตามแนวทางของหน่วยงานกำกับดูแล เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นต้น โดยมีการพัฒนานโยบายการกำกับดูแลกิจการขึ้นเพื่อเป็นแนวทางสำหรับคณะกรรมการบริษัท ผู้บริหาร และพนักงานทุกระดับในการดำเนินธุรกิจอย่างโปร่งใส เป็นธรรม และมีความรับผิดชอบ ทั้งนี้นโยบายดังกล่าวจะได้รับการทบทวนเป็นประจำทุกปีโดยคณะกรรมการบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าสอดคล้องกับกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความเหมาะสมกับบริบทของธุรกิจ

โปรดพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.ktc.co.th/sustainability-operations/economic-dimension/corporate-governance ภายใต้นโยบายการกำกับดูแลกิจการ

โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการ

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการของบริษัทเป็นระบบคณะกรรมการ 1 ระดับชั้น (One-Tier System) ซึ่งประกอบด้วยคณะกรรมการบริษัท และคณะกรรมการชุดย่อย 2 คณะ ได้แก่ คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน และคณะกรรมการตรวจสอบ บรรษัทภิบาล และความยั่งยืน

โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการ

หมายเหตุ:
• ประกาศบริษัทที่ 19/2568 เรื่อง คณะอนุกรรมการต่าง ๆ ของบริษัท ประกาศ ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2568
• การประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 1/2568 วันที่ 17 มกราคม 2568 ได้มีมติอนุมัติการเปลี่ยนชื่อคณะกรรมการตรวจสอบ กำกับดูแลกิจการ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็น คณะกรรมการตรวจสอบ บรรษัทภิบาล และความยั่งยืน

โครงสร้างของคณะกรรมการบริษัท

คณะกรรมการบริษัทประกอบด้วยสมาชิกทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็นกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร 3 คน กรรมการที่เป็นผู้บริหาร 1 คน และกรรมการอิสระ 4 คน ทั้งนี้ บริษัทกำหนดให้มีกรรมการอิสระในคณะกรรมการบริษัทอย่างน้อยหนึ่งในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมด แต่ต้องไม่น้อยกว่า 3 คน ซึ่งประธานกรรมการของคณะกรรมการบริษัทเป็นกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารและเป็นกรรมการอิสระ รวมถึงไม่ใช่บุคคลเดียวกันกับประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) โดยบริษัทได้มีการเสนอชื่อและแต่งตั้งกรรมการรายบุคคลเป็นประจำทุกปี ในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี โดยพิจารณาตามเกณฑ์และแนวทางที่กำหนดไว้ในนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท

โปรดพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำแถลงเรื่องความเป็นอิสระของคณะกรรมการได้ที่แบบ 56-1 One Report ประจำปี 2567 หัวข้อ “นโยบายการกำกับดูแลกิจการ”

รูปแบบของคณะกรรมการบริษัท

โครงสร้างของคณะกรรมการบริษัท
โครงสร้างของคณะกรรมการบริษัท
ความหลากหลายของกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
คณะกรรมการบริษัท

คณะกรรมการบริษัทได้พิจารณาหลักเกณฑ์ที่โปร่งใสและเป็นธรรมสำหรับการสรรหาและแต่งตั้งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม มีความรู้ด้านการบริหารจัดการ มีทักษะ และมีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจบัตรเครดิต ด้านการเงินหรือการธนาคารหรือสถาบันการเงิน หรือธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบัตรเครดิต อีกทั้งเป็นบุคคลที่มีวิสัยทัศน์และแนวคิดการบริหารที่สอดคล้องกับธุรกิจของบริษัท

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร

การประเมินผลการปฏิบัติงานของประธานเจ้าหน้าที่บริหารจะดำเนินการเป็นประจำทุกปี เพื่อกำหนดค่าตอบแทน โดยพิจารณาจากดัชนีชี้วัดผลสำเร็จ (KPI) หลายประการที่กำหนดขึ้นตามกลยุทธ์และเป้าหมายธุรกิจประจำปี ซึ่งรวมถึงตัวชี้วัดที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน ดังนั้นผลการดำเนินงานหรือความสำเร็จในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาลที่สำคัญ จะถูกนำมาเชื่อมโยงและพิจารณาในผลการประเมินเช่นกัน

ประสิทธิภาพในการทำหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท

จำนวนกรรมการที่ดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทจดทะเบียนอื่น

บริษัทกำหนดหลักเกณฑ์การดำรงตำแหน่งกรรมการที่บริษัทอื่น โดยกรรมการบริษัทแต่ละคนสามารถดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทจดทะเบียนอื่นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยไม่เกิน 5 แห่ง เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี 

ตารางความรู้ความชำนาญของคณะกรรมการ

ในกระบวนการสรรหาคณะกรรมการบริษัท ผู้ได้รับการเสนอชื่อจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสมและต้องไม่เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะถูกคัดเลือกอย่างโปร่งใส อีกทั้งผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อจะต้องมีคุณสมบัติ ทักษะ ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ตามที่บริษัทกำหนด และไม่มีขีดจำกัดในเรื่องสิทธิ เพศ เพศสภาพ เชื้อชาติ สัญชาติ หรือศาสนา โดยคำนึงถึงสัดส่วน จำนวน ความหลากหลาย และองค์ประกอบของคณะกรรมการที่เหมาะสมในด้านต่าง ๆ ดังนั้น คณะกรรมการบริษัทจึงได้จัดทำ Board Skills Matrix ซึ่งครอบคลุมความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการพิจารณาคุณสมบัติของคณะกรรมการปัจจุบัน และใช้สำหรับการสรรหากรรมการในอนาคต เพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กรและสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ทางธุรกิจตามที่ระบุไว้ ดังนี้  

การเปิดเผยค่าตอบแทน

คณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนเป็นผู้เสนอหลักเกณฑ์ นโยบายกำหนดค่าตอบแทน แนวทางการจ่ายค่าตอบแทนและผลประโยชน์อื่นๆ สำหรับกรรมการ ผู้บริหารระดับสูง ตลอดจนกรรมการชุดย่อย เพื่อพิจารณาและเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่ออนุมัติ โดยพิจารณาให้สอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ แนวทางที่บริษัทในธุรกิจประเภทเดียวกันถือปฏิบัติ ผลการดำเนินงานและภาวะตลาด โดยบริษัทได้มีการเปิดเผยค่าตอบแทนของกรรมการบริษัท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รวมผู้บริหารระดับสูง และพนักงาน ในแบบ 56-1 One Report ประจำปี 2567 หัวข้อ “โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการ และข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับคณะกรรมการ คณะกรรมการชุดย่อย ผู้บริหาร พนักงาน และอื่น ๆ” และ “รายงานผลการดำเนินงานสำคัญด้านการกำกับดูแลกิจการ”

การถือครองหลักทรัพย์

1. การถือครองหลักทรัพย์ของบริษัท โดยกรรมการและผู้บริหาร

บริษัทไม่ได้กำหนดห้ามมิให้กรรมการบริษัท ผู้บริหาร หรือพนักงาน ซื้อ ขาย หรือถือครองหุ้นของบริษัท อย่างไรก็ตาม บุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการซื้อ ขาย หรือโอนหุ้นที่ออกโดยบริษัท จะต้องปฏิบัติตามประกาศของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) หรือประกาศของบริษัท 

2. การถือครองหลักทรัพย์ของบริษัท โดยรัฐบาล

ธนาคารกรุงไทยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท โดย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีสัดส่วนการถือหุ้นและมีสิทธิออกเสียงร้อยละ 49.29 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมด นอกจากนี้ บริษัทไม่มีการเสนอหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงเป็นพิเศษ (GOLDEN SHARE) ให้แก่ผู้ถือหุ้นใหญ่ หรือรัฐบาล

โปรดพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายชื่อผู้ถือหุ้นและสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ได้ที่แบบ 56-1 One Report ประจำปี 2567 หัวข้อ “โครงสร้างและการดำเนินงานของกลุ่มบริษัท”

3. สิทธิการออกเสียง

บริษัทกำหนดสิทธิที่เท่ากันสำหรับการออกเสียงลงคะแนนหุ้นสามัญ(1) คือ 1 หุ้นเป็น 1 เสียง โดยไม่จำกัดสิทธิการออกเสียง และถือเสียงข้างมากเป็นมติ ยกเว้นกรณีที่เป็นไปตามที่ระบุในข้อบังคับบริษัทหรือตามที่กฎหมายกำหนดไว้เป็นประการอื่น

ในปี 2567 สิทธิการออกเสียงของบริษัทเป็นดังนี้

สิทธิการออกเสียง จำนวนสิทธิออกเสียงต่อ 1 หุ้น จำนวนหุ้น สิทธิออกเสียงรวม
(จำนวนสิทธิออกเสียงต่อ 1 หุ้นx จำนวนหุ้น)
ไม่มีสิทธิออกเสียง
(2)(3)
0 109,229,007 0
มีสิทธิออกเสียง 1 2,469,105,063 2,469,105,063
รวม 1 2,578,334,070 2,469,105,063
หมายเหตุ:
(1) บริษัทไม่มีหุ้นบุริมสิทธิ
(2) ไม่รวมหุ้นซื้อคืนที่ไม่มีสิทธิออกเสียง
(3) บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด จัดอยู่ในกลุ่มผู้ถือหุ้นประเภทไม่มีสิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ถือหุ้นในบริษัทร้อยละ 4.24 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
การดำเนินงานด้านบัญชี

บริษัทได้จัดทำบัญชีและงบการเงินตามมาตรฐานการรายงานทางการเงิน และวิธีปฏิบัติทางการบัญชีที่รับรองทั่วไปในประเทศไทย โดยนำมาตรฐานการรายงานทางการเงินฉบับปรับปรุงและฉบับใหม่ รวมถึงแนวปฏิบัติทางบัญชีที่ออกโดยสภาวิชาชีพบัญชี ซึ่งมีผลบังคับใช้สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีมาถือปฏิบัติ

ทั้งนี้ บริษัทเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ รวมถึงนโยบายการบัญชีที่สำคัญในงบการเงินและคำอธิบายและบทวิเคราะห์สำหรับผลการดำเนินการ (MD&A) เป็นประจำทุกไตรมาส

นโยบายด้านภาษี

บริษัทและบริษัทย่อย กำหนดนโยบายด้านภาษีภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีเพื่อให้การดำเนินธุรกิจเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน ในการดำเนินงานด้านภาษี ได้ ยึดหลักความถูกต้อง โปร่งใส รับผิดชอบต่อสังคม และเป็นธรรมต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม โดยมีคณะกรรมการตรวจสอบ กำกับดูแลกิจการ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัทตามความรับผิดชอบงานที่กำหนดไว้ในกฎบัตรว่าด้วยหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติของคณะกรรมการตรวจสอบ กำกับดูแลกิจการ ความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้อนุมัตินโยบายด้านภาษี

เอกสารนโยบาย/กฎบัตรคณะกรรมการชุดย่อย/ประกาศบริษัทฯ

ดาวน์โหลด

1. นโยบายและประกาศ

นโยบายการกำกับดูแลกิจการ ปี 2568
คู่มือจรรยาบรรณธุรกิจ ปี 2568
จรรยาบรรณคู่ค้าของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และการรักษาข้อมูลความลับ
ประกาศ ข้อกำหนดเกี่ยวกับการเปิดเผย หรือการใช้ข้อมูลภายในของบริษัท
สรุประเบียบปฏิบัติ เรื่อง มาตรการต่อต้านการคอร์รัปชัน
สรุปนโยบายการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน การสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง

2. กฎบัตรคณะกรรมการชุดย่อย

กฎบัตรคณะกรรมการตรวจสอบ บรรษัทภิบาลและความยั่งยืน
กฎบัตรคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน